- ในช่วงที่พายุเข้า ฝนตกหนักจนสวนของเราไม่สามารถระบายน้ำออกได้ทัน หากต้นไม้ต้องแช่อยู่อย่างนั้นนานๆ รากของต้นไม้อาจเกิดอาการเน่า และยืนต้นเฉาตายในที่สุด

- ระบบรากขาดออกซิเจนที่ใช้ในการสร้างพลังงาน และแร่ธาตุต่างๆ ขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆของลำต้น เนื่องจากน้ำแทรกซึมเข้าไปตามช่องวางของอากาศที่มีในดิน

- อาการใบเหลือง จะไม่เด่นชัดในช่วงวันแรกๆ แต่จะพบชัดเจนมากขึ้นในวันต่อมา และมักจะพบอาการดังกล่าว ในต้นไม้ที่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังพบอาการใบลู่หรือห้อยลงอีกด้วย

- อาการทิ้งใบ ดอก และผล ระบบรากที่ถูกน้ำขังจะก่อให้เกิดความเครียดขึ้น ซึ่งความเครียดนี้จะส่งผลให้ต้นมีการกระตุ้นให้สร้างฮอร์โมนเอทธิลีนในปริมาณสูงกว่าปกติมาก ทำให้ต้นไม้ทิ้งดอก และผลก่อน เช่น เงาะ หากไม่มีแดด ภายใน 3 วันเงาะจะสลัดผลทันที เพราะไม่มีพลังงานพอที่จะเอามาเลี้ยงทั้งต้น เนื่องจากผลถือเป็นสิ่งที่อ่อนแอที่สุดทำให้เงาะเลือกที่จะสละผลทิ้งไป

- ควรเสริมคันดินรอบนอกให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณต้น หรือสวนผัก 

- ควรมีการทำรางระบายน้ำพร้อมรับมือกับฝนที่จะตกลงมา เพื่อไม่ให้เกิดน้ำขัง หรือน้ำซึมลงดินมากจนดินไม่มีช่องว่างสำหรับออกซิเจน

- เก็บเกี่ยวผลผลิตอย่าให้มีผลผลิตติดอยู่กับต้น เพื่อไม้ให้ผลผลิตเสียหายในช่วงที่พายุเข้า

- เสริมคันดินให้หนาแน่น และทำการดูดน้ำออกอย่างเร่งด่วน เพื่อไม้ให้พืชผักถูกน้ำขังนานจนพืชมีอาการยืนต้นตาย

- ใช้กังหันเพื่อตีน้ำเพิ่มออกซิเจนให้กับต้นไม้ เนื่องจากการที่น้ำเข้าไปในช่องว่างในดินจนไม่มีช่องว่างสำหรับออกซิเจน จึงจำเป็นต้องสร้างออกซิเจนให้กับต้นไม้ด้วยการใช้กังหันตีน้ำสร้างออกซิเจนทดแทน

- เมื่อระดับน้ำลดแล้ว ควรรีบให้ปุ๋ยอย่างเร่งด่วน เมื่อฝนตกผ่านไปแดดเริ่มมี เนื่องจากที่ผ่านมาพืชไม่มีพลังงานในการสังเคราะห์แสง หรือขับเคลื่นการทำงานของระบบต่างๆในต้นไม้ ทำให้ต้นไม้มีความจำเป็นต้องใช้สารอาหารประเภท น้ำตาลทางด่วนช่วยเหลือ เพื่อให้มีแรงในการขับเคลื่อนระบบต่างๆในต้น