การปลูกพืชจำเป็นต้องมีการเตรียมดินอย่างดี เพราะส่วนใหญ่การปลูกพืชอย่างผัก จะนิยมเพาะเมล็ดในแปลงเพาะ เช่นนั้น เมล็ดพืชที่มีขนาดเล็กจะสามารถงอกได้ดี หากมีการเตรียมดินได้ดี และถูกต้อง โดยอาจเลือกวิธีไถดินให้ลึกประมาณ 6-8 นิ้ว เพื่อพลิกหน้าดินแล้วตากไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อกำจัดแมลง และศัตรูพืชหลายชนิด เราควรตากแดดสัก 10 วันก็แห้งตายหมดแล้ว จากนั้น จึงค่อยไถคราดเพื่อกำจัดวัชพืชที่คอยแย่งอาหารพืชหลักออกให้หมด โดยเฉพาะรากของวัชพืช ถ้าสับคราดออกแต่ต้น แต่รากยังคงหลงเหลือจมดินอยู่ไม่นานมันจะงอกขึ้นมาได้อีกครั้ง เช่นนั้น การกำจัดวัชพืชจำเป็นต้องจัดการชนิดที่ว่า "ถอนรากถอนโคน" ถ้าเราอดทนเก็บวัชพืชออกจากดินจนเกลี้ยง มันอาจเสียเวลามาก และเหนื่อยจัด แต่ผลระยะยาวที่กำลังตามมา จะส่งผลให้เราสบายไม่ต้องเหนื่อยต่อสู้กับวัชพืชอีกต่อไป

ถ้าในกรณีที่ดินของเรามีปัญหา เช่น ดินมีค่าความเป็นกรด-ด่างต่ำกว่า 6.5 (pH=>6.5) เราจะต้องทำการหว่านปูนขาวใน อัตรา 100-300 กิโลกรัม ต่อไร่ หรือคากิ ฉีดพ้นลงดินใน อัตรา 5 ซอง(1กล่อง) ต่อไร่ ทั้งนี้ นอกจากปูนขาว หรือคากิจะช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้เป็นกลางแล้ว ช่วยฆ่าเชื้อโรคในดินอีกด้วย แต่ข้อสำคัญที่เราจำเป็นต้องไม่ลืมก็คือ ก่อนที่จะทำการหว่านปูนขาว หรือฉีดคากิ จะต้องทำการรดน้ำดินให้ชื้นก่อน หรือถ้าดินมีความชื้นอยู่แล้ว ก็สามารถลงมือหว่านปูนได้เลย เมื่อมีการหว่านปูนลงดินที่มีความชื้น จะเป็นการเร่งให้ปูนทำปฏิกิริยากับดินให้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง

เมื่อหว่านปูนขาวหรือฉีดพ่นคากิเสร็จ ควรปล่อยทิ้งไว้สักประมาณ 5-6 วัน หรือหนึ่งสัปดาห์เต็ม ต่อมาก็ทำการยกแปลงดิน โดยขนาดของแปลงนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดพืชที่เราจะปลูก เมื่อยกแปลงปลูกสำเร็จแล้ว ให้ทำการพรวนดินในแปลงให้ร่วน แล้วใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ เช่น มูลไก่ มูลเป็ด หรือมูลหมู เป็นต้น โดยเฉพาะปุ๋ยคอกมูลไก่ ซึ่งมีอัตราส่วนของธาตุไนโตรเจนที่สูงมาก "มูลไก่มีไนโตรเจนเป็นอันดับสองรองลงมาจากมูลค้างคาว" จึงเหมาะสำหรับการเพาะเมล็ดอันเป็นช่วงของการเจริญเติบโตที่สำคัญ การใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ในแปลงที่ยกเตรียมเพราะปลูกจะช่วยให้ดินมีความร่วนซุย เจาะหลุมหยอดเมล็ดเตรียมดินได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยให้ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้มีการระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดีอีกด้วย

ต่อมาก็ทำการยกแปลงดิน โดยขนาดของแปลงนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดพืชที่เราจะปลูก ถ้าเป็นพืชผักที่ต้องการเพาะเมล็ด แปลงดินเพาะควรมีขนาดกว้าง 1 เมตร เป็นอย่างต่ำ และยกหน้าดินสูงประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ (ถ้าจะให้ดีผสมแกลบลงไปด้วย เพื่อรักษาหน้าดินให้ชุ่มชื้น) เสร็จแล้วแต่งหน้าดินให้เรียบ จากนั้น เจาะหลุมหยอดเมล็ดพันธุ์ "เทคนิคสำคัญ!!!" หลังจากเจาะหลุมหยอดเมล็ดแล้ว ให้ทำการผสมปุ๋ยคอกมูลสัตว์และ/ปุ๋ยหมักชีวภาพกับดินละเอียด คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำไปกลบปากหลุมที่หยอดเมล็ดพันธุ์ เสร็จแล้วคลุกทับหน้าดินอีกครั้งด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง "แต่อย่าคลุมหนาจนเกินไป"

หรือถ้าจะเพาะแบบหว่านเมล็ดพันธุ์ลงแปลง หลังจากหว่านเมล็ดแล้วควรใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ(ซากพืชซากสัตว์) ที่ย่อยสลายดีแล้ว "จะให้ดีใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก" โรยทับหน้าดินบางๆ จากนั้นคลุมทับหน้าดินอีกครั้ง ด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง "แต่อย่าคลุมหนาเสียจนดินไม่โดนแดด"

ดังนั้นในการดูแล และเตรียมดินนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่เกษตรกรควรนึกถึง ในการปลูกพืชผัก เพราะว่าหากเราขาดการเตรียมดินที่ถูกต้อง พืชผักที่เราวางแผนที่จะปลูกก็อาจจะพังลงในพริบตาได้เลย